รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯลั่น ไม่รีบร้อนทำข้อตกลงการค้า ก่อนถึงเส้นตาย 1 ส.ค.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า รัฐบาลจะมุ่งเน้นทำข้อตกลงการค้าที่มีคุณภาพ ไม่ใช่เร่งรีบทำเพื่อให้ทันเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.นี้
เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ก.ค. 2568 นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการทำข้อตกลงการค้าที่มีคุณภาพมากกว่าเร่งทำข้อตกลงให้ทันเส้นตายการบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะมาถึงในวันที่ 1 ส.ค.นี้
“เราจะไม่รีบร้อนเพื่อทำข้อตกลง” นายเบสเซนต์บอกสำนักข่าว ซีเอ็นบีซี และเมื่อถูกถามว่าจะมีการขยายเส้นตายให้ประเทศที่กำลังอยู่ในการเจรจาหรือไม่ ขุนคลังของสหรัฐฯ ก็ตอบว่า เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
“หากเส้นตายภาษีวันที่ 1 ส.ค.มาถึง ผมคิดว่าอัตราภาษีที่สูงขึ้นอาจเพิ่มแรงกดดันให้ประเทศเหล่านั้นเจรจาด้วยเงื่อนไขที่ดีขึ้นได้” นายเบสเซนต์กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายทรัมป์ประกาศตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าเกือบทุกประเทศในอัตราแตกต่างกัน โดยไทยโดนตั้งไว้ที่ 36% แต่การบังคับใช้ถูกระงับเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ ก่อนที่สุดท้ายเส้นตายวันที่ 9 ก.ค.จะถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นวันที่ 1 ส.ค. เนื่องจากสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงเพียง 3 ฉบับ
จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ ประกาศบรรลุข้อตกลงเพิ่มเติมกับอินโดนีเซียเพียงประเทศเดียวเท่านั้น ในขณะที่เหลือเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์จะถึงเส้นตายที่เขากำหนดแล้ว
น.ส.แคโรไลน์ ลีวิตต์ เลขาธิการฝ่ายสื่อของทำเนียบขาวสหรัฐฯ กล่าวในวันจันทร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงติดต่อกับรัฐบาลทั่วโลก และอาจมีการประกาศข้อตกลงใหม่ หรือส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีเพิ่มเติมก่อนจะถึงเส้นตายอีกก็เป็นได้
ด้านสหภาพยุโรปกำลังพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้เป็นวงกว้างแทนเนื่องจากความหวังในการทำข้อตกลงทันเวลามีน้อย โดยเยอรมนีกับชาติสมาชิก EU ประเทศอื่นๆ กำลังชั่งน้ำหนักเรื่องการใช้มาตรการต่อต้านการบีบบังคับ (anti-coercion) เพื่อจำกัดไม่ให้สหรัฐฯ เข้าถึงการประกวดราคาของรัฐ หรือบริการเป้าหมาย
ส่วนประเทศจีน นายเบสเซนต์กล่าวว่า การเจรจาจะกลับมาเริ่มขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้มากๆ โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องที่จีนยังคงซื้อน้ำมันที่ถูกแบนจากอิหร่านกับรัสเซีย และการผลิตที่มากเกินไปในภาคส่วนต่างๆ ของแดนมังกรเช่น เหล็กกล้า (Steel)
นายเบสเซนต์บอกอีกว่า เขาจะกระตุ้นให้ยุโรปทำตามสหรัฐฯ หากรัฐบาลอเมริกันตัดสินใจตั้งภาษีทุติยภูมิกับรัสเซียด้วย
ขณะที่นายเรียวเซอิ อาคาซาวะ หัวหน้าทูตด้านการค้าของญี่ปุ่น เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเป็นการเยือนครั้งที่ 8 ในรอบ 3 เดือน หลังจากรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ เพลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งวุฒิสภา โดยเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากความไม่พอใจของประชาชนเรื่องภาษีสหรัฐฯ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ
นายเบสเซนต์ ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากการเยือนญี่ปุ่นในวันอาทิตย์ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะให้ความสำคัญกับการทำข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับชาวอเมริกัน ไม่ใช่เพื่อการเมืองภายในประเทศญี่ปุ่น
อีกด้านหนึ่ง ทีมเจรจาการค้าของอินเดียเดินทางกลับกรุงนิวเดลีแล้ว หลังจากเจรจาในกรุงวอชิงตันมานานเกือบ 1 สัปดาห์ โดยแหล่งข่าวในรัฐบาลระบุว่า ความหวังที่จะมีการบรรลุข้อตกลงก่อนที่เส้นตายจะมาถึงในวันที่ 1 ส.ค.นั้น กำลังน้อยลงเรื่อยๆ shoujospain