พปชร. ดาหน้า ซัดรัฐบาล จี้เปิดรายละเอียดเจรจาภาษีสหรัฐฯ
“ธีระชัย” นำทีมพรรคพลังประชารัฐ ดาหน้า ซัดรัฐบาล บี้ต้องเปิดรายละเอียดเจรจาภาษีสหรัฐฯ และข้อแลกเปลี่ยนสินค้า 1.1 หมื่นรายการ ย้ำกระทบภาคเกษตรกรรมไทยแน่ ทั้งข้าวโพด เนื้อหมู แนะเปลี่ยนงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน มาเป็นงบพยุง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ส.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีม ส.ส. พรรค อาทิ นายชัยมงคล ไชยรบ ส.ส. สกลนคร และนายสุธรรม จริตงาม ส.ส. นครศรีธรรมราช ร่วมแถลงข่าวถึงผลการเจรจาภาษีสินค้านำเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนายชัยมงคล กล่าวว่า กรณีภาษีสหรัฐฯ ที่ไทยต้องเสียภาษีนำเข้า 19% ไม่ต่างจากประเทศอื่นในอาเซียน ยกเว้นลาวและเมียนมา ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แม้เราดีใจที่ไทยต้องเสียภาษี 19% แต่เราอยากทราบข้อเท็จจริงและเบื้องหลังว่าต้องแลกกับอะไร โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคย้ำจุดยืนพรรคชัดเจนว่า การเจรจาภาษีต้องไม่เอาความมั่นคงรัฐไปเกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากการเจรจา รัฐบาลกลับไม่ได้เปิดเผยข้อมูลว่า นำความมั่นคงของรัฐไทยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ไทยเรารับผลกระทบในภาคการเกษตรอย่างไร มีรายการสินค้าใดบ้างที่เราให้ 0% กับสหรัฐฯ ขอให้รัฐบาลต้องรีบประกาศชี้แจงข้อเท็จจริงกับประชาชน เพราะเรื่องนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 178 กำหนดให้รัฐบาลต้องนำเรื่องเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาภายใน 60 วัน รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงนี้ให้ประชาชนและสภารับทราบ ต้องโปร่งใส ไม่ใช่ทำเพื่อรักษาอำนาจของรัฐบาลเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชนผู้รับผลกระทบในวงกว้าง ขอย้ำว่า เราต้องหาทางปกป้องผลประโยชน์ของคนในชาติ
ขณะที่นายธีระชัย กล่าวว่า การค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ มี 2 ฝั่ง ทั้งที่เราส่งสินค้าไปสหรัฐฯ และมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ฝั่งที่เราส่งออกอัตราภาษี 19% เราไม่ติดใจ แต่ปัญหาเรื่องการนำสินค้าสหรัฐฯ เข้าไทย ทีมเจรจาแจ้งข้อมูลว่า มีสินค้า 11,000 รายการ กำหนดอัตราภาษี 0% รวมถึงสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป จะมีผลกระทบต่อเกษตรกรของไทย เช่น กรณีราคาข้าวโพดในไทย เทียบกับราคาข้าวโพดของสหรัฐฯ ของไทยยังแพงกว่า 0.5 เท่า ขณะที่ราคาเนื้อหมูของไทยยังแพงกว่า 1 ใน 3 เห็นได้ชัดเจนว่า กระทบต่อเกษตรกรไทยต้องเดือดร้อนมากแน่นอน โดยนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุว่า ข้าวโพดไทยปลูกได้ไม่เพียงพออยู่แล้ว พปชร. ดาหน้า ซัดรัฐบาล
“เวลานี้มีกระบวนการปรับตัวที่จะต้องเกิดขึ้นในประเทศ 2 เรื่อง คือ 1. การนำเข้าสินค้าเกษตรในอัตราภาษี 0% จะต้องนำเข้าโดยเสรี หรือจะมีโควตา รัฐบาลจะมีงบประมาณในการที่จะเข้าไปช่วยดูแลเกษตรกรอย่างไร 2. ข้อขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อย่าคิดว่าแรงงานกัมพูชาจะกลับมาในวันนี้หรือพรุ่งนี้ อย่าคิดว่าการค้าขายชายแดนจะฟื้นคืนเหมือนเดิมได้โดยเร็ว จึงขอเสนอแนะว่า งบประมาณที่รัฐบาลตั้งเอาไว้ 157,000 ล้านบาท และมีการอนุมัติไปแล้วในหลายเรื่อง แต่กลับไม่มีความเร่งด่วน รัฐบาลต้องกลับไปทบทวนโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ควรจะชะลอไว้ก่อน แล้วเอาเงินเหล่านี้มาใช้ในเรื่องที่มีความเร่งด่วนมากกว่า สรุปแล้วเปลี่ยนงบกระตุ้นเศรษฐกิจ นำไปเป็นงบพยุงเศรษฐกิจ ไม่เช่นนั้นแล้วการฟื้นตัวของไทยอาจจะกลายเป็นเข่าอ่อนและไม่มีใครพยุง เรื่องการดูแลผลกระทบในเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา งบที่มีอยู่สามารถจะใช้ดูแลภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารได้” นายธีระชัย กล่าว shoujospain