วิเคราะห์การเมือง: “ตัวแปร” สกัดดาวรุ่ง สั่นคลอน “คิวปั่นฮีโร่”
สถานการณ์การเมืองไทย ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ยังคงร้อนระอุและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เมื่อ “คิวปั่นฮีโร่” ที่หลายฝ่ายจับตาว่าหมายถึงการผลักดัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดทางการเมืองอย่างเต็มตัว กำลังเผชิญกับแรงต้านจากหลากหลาย “ตัวแปร” สำคัญ ที่อาจสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ภาพการเมืองในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นระหว่างสองขั้วอำนาจหลัก คือ “ขั้วสีแดง” ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำและได้รับการสนับสนุนจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ “ขั้วสีน้ำเงิน” หรือกลุ่มอนุรักษนิยม ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งรัฐบาล แต่ยังคงมีอิทธิพลผ่านกลไกต่างๆ
ท่ามกลางสมรภูมินี้ การเดินเกมเพื่อสร้าง “ฮีโร่” ทางการเมืองคนใหม่ภายใต้ร่มเงาของบ้านชินวัตร ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อต้องเผชิญกับ “ตัวแปร” ที่พร้อมจะพลิกเกมได้ทุกเมื่อ
“ทัพสีน้ำเงิน” และพลังต้านที่ไม่ได้อยู่นิ่ง
แม้พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่ “ทัพสีน้ำเงิน” หรือขั้วอำนาจเดิม ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในสนามการเมือง บทวิเคราะห์จากสื่อหลายสำนักชี้ตรงกันว่า ขั้วอนุรักษนิยมกำลังจับตาทุกความเคลื่อนไหวของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งการพักโทษของเขายังคงเป็นประเด็นที่ฝ่ายตรงข้ามหยิบยกขึ้นมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง สร้างแรงกดดันต่อตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทยโดยตรง
พลังต้านนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน แต่ยังรวมถึงเครือข่ายและกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่พร้อมจะใช้ทุกช่องทางเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ “คิวปั่นฮีโร่” นี้ไปถึงฝั่งฝัน
พรรค “ตัวแปร” ชี้ชะตาสมการอำนาจ
นอกเหนือจากคู่ขัดแย้งหลักแล้ว พรรคการเมืองขนาดกลางได้กลายมาเป็น “ตัวแปร” ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดนี้
- พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.): นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่อาจส่งผลต่อสมการอำนาจในอนาคต ท่าทีของ รทสช. ยังคงเป็นที่จับตาว่าจะยืนอยู่จุดไหนหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นกับรัฐบาลปัจจุบัน
- พรรคประชาชน (อดีตพรรคก้าวไกล): หรือที่เรียกกันว่า “พรรคส้ม” แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็เป็นตัวแปรที่มองข้ามไม่ได้ ด้วยจำนวน สส. ในมือ และจุดยืนที่ชัดเจน โดยล่าสุดมีการส่งสัญญาณว่าพร้อมจะโหวตสนับสนุน “นายกฯ เฉพาะกิจ” ไม่ว่าจะเป็นจากขั้ว “สีแดง” หรือ “สีน้ำเงิน” หากมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการยุบสภา ซึ่งเป็นข้อเสนอที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทุกขั้วอำนาจ
- พรรคภูมิใจไทย: ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลขนาดใหญ่ การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยมีน้ำหนักอย่างสูงต่อการคงอยู่ของรัฐบาล ความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
“นิติสงคราม” และความเปราะบางของรัฐบาล
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่สร้างความหวั่นไหวให้กับรัฐบาลคือบรรดาคดีความต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร และสถานะของพรรคเพื่อไทย สถานการณ์ที่รัฐบาลต้องบริหารงานท่ามกลาง “กับระเบิด” ทางกฎหมายเช่นนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดูเปราะบางและอยู่ในภาวะ “รัฐบาลเรือแปะ” หรือรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่พร้อมจะเผชิญกับสภาวะสภาล่มได้ทุกเมื่อ
สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้จึงเปรียบเสมือนการเดินบนเส้นด้าย การผลักดัน “ฮีโร่” ให้ขึ้นสู่เวทีอำนาจจำเป็นต้องอาศัยจังหวะและฝีมือในการบริหารจัดการอย่างสูง แต่เมื่อต้องเผชิญกับ “ตัวแปร” ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งจากคู่แข่งทางการเมือง พรรคขนาดกลางที่พร้อมชี้ขาด และกระบวนการทางกฎหมาย ทำให้เส้นทางข้างหน้าของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร เต็มไปด้วยความท้าทาย และเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าจะสามารถประคองนาวา “เพื่อไทย” ให้ผ่านมรสุมลูกนี้ไปได้หรือไม่ หรือท้ายที่สุดแล้ว “คิวปั่นฮีโร่” นี้จะต้องสะดุดลงเพราะแรงต้านของตัวแปรเหล่านี้ shoujospain