ปภ. ประสาน 10 จังหวัด 3เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 กค. 2568

ปภ. ประสาน 10 จังหวัด

ปภ. ประสาน 10 จังหวัด

ปภ. ประสาน 10 จังหวัด ภาคกลาง-กทม. เฝ้าระวังระดับน้ำใน “แม่น้ำเจ้าพระยา” สูงขึ้น

ปภ. ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง-กทม. เฝ้าระวังระดับน้ำใน “แม่น้ำเจ้าพระยา” เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. เป็นต้นไป พร้อมกำชับติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ก.ค. 2568 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำและพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่ากรมชลประทานได้คาดการณ์ปริมาณน้ำ 1 – 7 วันข้างหน้า พบว่าในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่สถานี C.2 อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,500 – 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดการณ์ปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขาจะมีปริมาณ 150 – 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณ 1,650 – 1,850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่ง ในอัตรา 350 – 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 1,200 – 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำ ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.20 – 1 เมตร

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความแข็งแรงเพื่อป้องกันระดับน้ำล้นแนวคันกั้นน้ำ ตลอดจนจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพ ร้านอาหาร ตลอดจนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเตรียมการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยรายพื้นที่ได้ที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT (TDA) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android

รวมถึงทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อนจาก Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป. shoujospain